ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

7 วิธีทานอาหารก่อนสอบ


รู้หรือไม่?



: ว่าอาหารที่เราทานไป มันก็มีผลในชีวิตประจำวันของเราเหมือนกันนะ

มันจะสะท้อนซึ่ง อามรมณ์ ความรู้สึก และการใช้ชีวิต



แล้วตอนก่อนสอบควรจะกินอะไรล่ะ? 




1. คาเฟอีน

ถึงจะเรียกว่าคาเฟอีน แต่ไม่จำเป็นต้องเป็นกาแฟนะคะ เด็กนักเรียนส่วนใหญ่ไม่ควรกินกาแฟนะ คาเฟอีนคือพวก ชา กาแฟ โกโก้ สารกาเฟอีนหากได้พอเหมาะจะช่วยให้เกิดการตื่นตัวและสดชื่น เหมาะกับการดื่มเพื่อไปทำข้อสอบในตอนเช้า 
แต่ถ้าหากทานมากเกินไป ก็จะทำให้หัวใจเต้นเร็วและปวดหัวด้วยนะคะ
ดังนั้นต้องทานอย่างพอเหมาะ



2. ทานเนื้อปลา

ควรเป็นเนื้อปลาทะเลนะคะ ปลาทู ปลาทูน่า ปลากะพง ปลาแซลมอน จะมีสารโอเมก้า-3 สูงที่ช่วยเพิ่มความจำ คนในประเทศญี่ปุ่นที่มีการกินปลาที่มีสารโอเมก้า-3 สูง พบว่า การทำงานของสมอง และความจำ รวมถึงการมีสมาธิในการทำงานจะดีกว่าคนที่ไม่ได้รับสารโอเมก้า-3 

บางคนอาจจะคิดว่าซวยละ ตอนเช้าจะไปหาเนื้อปลาทะเลมาจากไหน
มีอีกทางที่สามารถหาปลาทานได้อย่างถูก มี ประโยชน์และอร่อยด้วยค่ะ คือ

-วิ่งไปเซเว่น


-แล้วไปซื้อฟิชโช่มา

มันแทนกันได้จริงหรอ?
-ที่จริงก็ไม่ได้หรอกค่ะ แต่ในพวกฟิชโช่ทาไร่ จะมีสารอาหารจำพวกโปรตีนอยู่มาก ให้ประโยชน์ทำให้ความจำดี และมีสมาธิไม่ต่างจากเนื้อปลาเลยค่ะ




3. ห้ามทานของหวานโดดเด็ดขาด

การทานของหวานจำให้หลั่งสารเอ็นโดฟิน ถึงจะเรียกว่าสารแห่งความสุข แต่ก็ทำให้เรามีความตื่นตัว ลุกลี้ลุกลน อยู่เป็นสุขไม่ได้ ซึ่งจะทำให้ไม่มีสมาธิ จึงไม่ตวรทานก่อนสอบโดยเด็ดขาด
ทนเอาหน่อย สอบเสร็จค่อยทานนะคะ


(แต่ถ้าเป็นพวกของหวานที่มีเฉพาะน้ำตาลกลูโคสก็ทานได้นะคะ พวกผัก ผลไม้) 




4.ลดอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรต


อาหารพวกคาร์โบไฮเดรต เช่น ข้าว น้ำตาล แป้ง ขนมปัง มันฝรั่ง จะทำให้รู้สึกง่วง ไม่ตื่นตัว ไม่เฟรช 
ซึ่งความง่วงเป็นศัตรูตัวสำคัญขณะสอบ ถ้าเผลอหลับไปน่ะแย่เลยนะ
ลดข้าวข้าวในตอนเช้า และเพิ่มเนื้อสัตว์ให้มากขึ้นก็จะช่วยให้มีสมาธิได้ค่ะ




5.เน้นอาหารที่มีโปรตีน******


เนื้อสัตว์ ไข่ นม ถั่ว อาหารพวกนี้ถ้ามีโอกาสรีบทานเลยค่ะ เนื่องจากอาหารจำพวกโปรตีน จะทำให้สมองมีความจำ มีสมาธิที่คงที่ มีใจจดจ่อกับสิ่งที่ทำอยู่ ซึ่งเหมาะกับการเรียน การทำงาน หรือทำข้อสอบมากๆ
ข้อนี้ค่อนข้างสำคัญมากนะคะ
(ลองทานดูก็จะรู้นะคะ จขกท.ทำทุกครั้ง ทานฟิชโช่ก่อนสอบ มีสมาธิมากค่ะ)



6.ทานผักผลไม้

ผัก ผลไม้ที่มีสีม่วงเข้ม เช่น องุ่น บลูเบอร์รี ลูกพรุน ลูกหม่อน ลูกหว้า มะเขือม่วง ข้าวโพดม่วง ดอกอัญชัน จากการศึกษา พบว่า สารที่ม่วงที่มีอยู่ในผักและผลไม้ จะช่วยปกป้องเซลล์สมองจากการถูกทำลายของสารอนุมูลอิสระซึ่งได้แก่ ควันเสีย ความร้อน ความเครียด ซึ่งอนุมูลอิสระจะเป็นตัวทำลายสมองและลดความสามารถของสมองและสมาธิลง จากการศึกษายังพบด้วยว่าสารสีม่วงนี้จะช่วยเพิ่มระบบการเรียนรู้ของสมอง และทำให้ความคิดเฉียบแหลม

 ทานน้ำผักผลไม้แทนก็ได้นะคะ จะทำให้ผู้สึกสดชื่น กำจัดความเครียดเหมือนกัน



7.สำคัญที่สุด คือ ต้องทานอาหารเช้า ห้ามขาดมื้อนี้โดยเด็ดขาด



งดอาหารเช้าไม่ดีเลยนะ เพราะการวิจัยมากมายชี้แล้วว่าการรับประทานอาหารเช้าจะช่วยให้ความทรงจำระยะสั้นและสมาธิดีขึ้น นักเรียนที่รับประทานอาหารเช้ามักจะเรียนได้ดีกว่านักเรียนที่งดอาหารเช้าเยอะมาก
ผลกระทบของการขาดสารอาหารในช่วงเช้า โดยเฉพาะในเด็กวัยเรียนจะส่งผลเสียต่อการเรียนและสุขภาพ เพราะการเผาผลาญสารอาหารของร่างกายมนุษย์ โดยเฉพาะช่วงระหว่างอาหารเย็นถึงช่วงเช้า ร่างกายจะทำงานเพื่อเผาผลาญตลอดเวลาแม้ในขณะหลับ และหากร่างกายไม่ได้รับสารอาหารในมื้อเช้า จะทำให้ปริมาณน้ำตาลในเลือดลดต่ำลง ส่งผลให้ร่างกายอ่อนเพลีย หงุดหงิด อารมณ์เสีย อาจถึงขั้นหน้ามืดเป็นลมได้ เนื่องจากสมองได้รับน้ำตาลกลูโคสไปหล่อเลี้ยงไม่เพียงพอ

การไม่ทานอาหารเช้าน่ากลัวมากนะคะ ต้องทานนะคะ ถึงจะไม่ได้อยู่ในช่วงสอบก็เถอะ



แต่ที่สำคัญกว่าการทานอาหารคือ การอ่านหนังสือสอบ เตรียมความพร้อมนะคะ
ถึงจะทานอาหารช่วยสร้างสมาธิไป แต่ถ้าไม่มีความรู้ก็สอบไม่ได้อยู่ดี 


ช่วงสอบก็ขอให้ทุกคนตั้งใจ ทำคะแนนให้ได้ดีๆนะ 



cr.https://www.dek-d.com

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

อาหารบำรุงสมอง ในเซเว่น

ช่วงสอบกินอะไรกัน ( แนะนำ อาหารบำรุงสมอง เพิ่มความจำ ในเซเว่น ) วัยเรียนเป็นวัยที่จำเป็นต้องใช้สมอง และหากใช้สมองมากๆ เราต้องบำรุงสมอง แล้วยิ่งช่วงสอบ คงโต้รุ่งอ่านหนังสือกันใช่ไหม อ่านทั้งวันทั้งคืน  จนลืมใส่ใจเรื่องการกิน ของ่ายๆ เร็วๆ ก็มาม่า ข้าวกล่อง อาหารตามสั่ง หรือ พึ่งร้าน  สะดวกซื้อกันซะส่วนใหญ่ เอะอะก็วิ่งเข้าเซเว่น ซื้อขนมขบเคี้ยวมากินไปอ่านไป ทั้งๆ ที่ช่วงสอบควรให้ความสนใจกับการทานอาหารที่บำรุงสมองเป็นที่สุด  เพราะต้องคิด ต้องจำ ต้องใช้พลังงานมากเป็นพิเศษ  วันนี้เลยมาแนะนำอาหารบำรุงสมองชั้นดีที่หาซื้อได้ในร้านสะดวกซื้อ ไปดูกันว่าจะมีอะไรที่กอบกู้ความจำของเรากันบ้างง!! 1.ไข่ บรรดาไข่ทั้งหลาย : ไข่ต้ม ไข่ลวก ไข่ออนเซ็น " ซีลีเนียม " จะช่วยให้อารมณ์ดีขึ้นได้ กรดอะมิโนที่สำคัญต่อร่างก­­­ายถึง 9 ชนิด ช่วยบำรุงความจำ ปริมาณแร่ธาตุและวิตามินในไข่ช่วยสร้างเสริมการทำง­­­านของสมองในส่วนที่เกี่ยวข้องกับความจำและการเรียนรู้ ไข่ไก่ให้พลังงานนานหลายชั่วโมง ไม่ทำให้หิวบ่อยๆ อ่านหนังสือได้สบายๆ เล้ยย แนะนำให้ทานเมนูไข่ๆ ช่วงเช...

เป้าหมายในชีวิตของตนเอง

รู้จัก...เป้าหมายในชีวิต     เป้าหมายในชีวิตของคนๆ หนึ่ง คือ สิ่งที่คนๆ นั้นให้ความหมาย ให้ความสำคัญ และอยากให้สิ่งๆ นั้นเกิดขึ้นในชีวิตของเขา หลายครั้งเป้าหมายในชีวิตทำหน้าที่เหมือนขั้วแม่เหล็กไฟฟ้า ที่ดึงดูดคนเราให้ลงมือทำสิ่งต่างๆ เพื่อไปสู่เป้าหมายนั้น คนที่มีเป้าหมายในชีวิตที่ชัดเจน จะรู้ว่าตัวเองต้องการอะไรบ้าง รู้ว่าเขาจะมีชีวิตอยู่เพื่ออะไร เพื่อใคร และเพื่อที่จะทำอะไร     คำถามที่มักพบคือ เพราะเหตุใดคนเราจึงมีปัญหาในการตระหนักถึงเป้าหมายในชีวิตของตน แม้ว่าจะอยู่ในวิสัยที่ทำได้ แต่ก็ไม่ได้ทำ หรือว่าเรายุ่งเกินไป หรือเรามีเรื่องรกใจ หรือมีอะไรต้องทำมากมายเกินไป จึงไม่น่าแปลกใจที่เราจะปล่อยให้ชีวิตล่องลอยไปตามผู้คนแวดล้อมบอกให้ทำ หรือตามสังคมบอกว่าดี โดยไม่รู้ตัวว่าตนเองต้องการอะไร หรือปล่อยให้เรื่องที่เคยต้องการจะทำหลายเรื่องผ่านไป เพราะสาเหตุว่าเรามีเป้าหมายในชีวิตไม่ชัดเจน    คำอธิบายหนึ่งที่เป็นไปได้ คือ สิ่งที่คนเราตั้งใจทำอาจจะไม่ใช่เป้าหมายที่แท้จริงของเขาก็ได้ จริงอยู่คนเรานึกได้ว่าต้องทำโน่นต้องทำนี่ นั่นคือการมีควา...

การอ่านหนังสือให้จำ

8 เคล็ดลับอ่านหนังสือกองโตให้เร็วและจำแม่น          หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมนักศึกษาเอกประวัติศาสตร์หรือกฎหมายถึงทนอ่านหนังสือเป็นกองตั้งๆได้อยู่ทุกสัปดาห์ อะไรคือความลับของพวกเขา? ที่แน่นอนอย่างหนึ่งคือพวกเขาไม่อ่านเรียงจากหน้าแรกไปจนหน้าสุดท้ายตามลำดับ ว่าแต่พวกเขาจะจดจำข้อมูลที่เหลือได้อย่างไรถ้าไม่อ่านตามลำดับอย่างที่พวกเราคุ้นเคยกัน 8 เทคนิคต่อไปนี้เป็นเคล็ดลับการอ่านหนังสือที่อาจช่วยให้คุณจัดการกับกองหนังสือที่ดูเหมือนต้องใช้เวลาเป็นปีกว่าจะอ่านจบได้           1. อ่านบทสรุปก่อนเป็นอันดับแรก          นักเขียนจำนวนไม่น้อยมักจะเปิดบทแรกของหนังสือด้วยภาษาที่ยืดยาว เข้าใจยาก และต้องตีความกันหลายชั้น และด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้คน(ตั้งใจ)อ่านหลายคนตกหลุมพรางของความเหนื่อยหน่ายและเขวี้ยงหนังสือทิ้งไปด้วยความผิดหวัง ในเมื่อผู้อ่านเจอหลุมพรางอย่างกรณีนี้ละก็ เคล็ดลับคือ  "กระโดดหลบหลุม"  นี้เสีย เปิดไปที่บทสุดท้ายของหนังสือ และมองหาบทสรุป นักเขียนหนังสือ...